สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ เผยผลกระทบจากการใช้คอมพิวเตอร์เดือนพ.ย.52 พบปัญหาสายตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แขน ข้อมือ แผ่นหลัง ต้นคอ หัวไหล่ และท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด... คนทำงานรุ่นใหม่มักเจอปัญหาสุขภาพจากการใช้คอมพิวเตอร์ถาโถมเข้าใส่ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัว ปวดตา ปวดเมื่อยเนื้อตัวทราบหรือไม่ว่าผลกระทบจากการใช้คอมพิวเตอร์ ในการทำงาน เล่นเกม หรืออินเตอร์เน็ตนั้น สามารถจัดกลุ่มเรียกว่าเป็น "โรคฮิตจากคอมพิวเตอร์" ได้ โดยจดหมายข่าวรายเดือนของสำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ เดือนพฤศจิกายน รวบรวมไว้ดังต่อไปนี้
-ปัญหาเกี่ยวกับสายตา การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันจะทำให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคือง และอาการที่ตามมาคือ ตาพร่ามองไม่เห็นชั่วคราว รวมทั้งสายตาสั้น นอกจากนี้ ยังมีอาการไมเกรนตามมา เพราะกล้ามเนื้อตาจะบีบรัดเลนส์ตาจนล้า-"คอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม" หรือซีวีเอส จะมีอาการเมื่อยล้าตา ปวดตา เคืองตา ตาแห้ง น้ำตาไหล ตามัว เห็นภาพซ้อน ปวดคอ หลัง และไหล่-"รีพิททีทีฟ สเตรน อินเจอรี" หรืออาร์เอสไอ เกิดจากการที่เรานั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างไม่ถูกสุขลักษณะ สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่แขน ข้อมือ ข้อนิ้ว แผ่นหลัง ต้นคอ หัวไหล่ และสายตา หากปล่อยไว้นานๆ อาจต้องผ่าตัดเอ็นก็มี-อาการท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด (QWERTY Tummy) ชื่ออาการนี้มาจากกลุ่มตัวอักษรชุดแรกบนแป้นคีย์บอร์ด สาเหตุที่ทำให้ท้องร่วง เพราะคีย์บอร์ดมีแบคทีเรียสะสมอยู่ บางคนมักรับประทานอาหารหน้าจอคอมฯที่มีคีย์บอร์ด มือที่สัมผัสคีย์บอร์ดติดเชื้อแบคทีเรีย เมื่อหยิบอาหารอาจทำให้แบคทีเรียเหล่านั้นปะปนในอาหารได้-"คาร์ปาล ทุนเนล ซินโดรม" เกิดจากการใช้ งานซ้ำๆที่บริเวณข้อมือ ทำให้เอ็นรอบบริเวณข้อมือหนาตัวขึ้น แล้วไปกดเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้ในเมื่อการทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ยังต้องดำเนินต่อไป ก็ต้องคอยเตือนตัวเองให้ปรับสภาพการทำงานให้ถูกสุขลักษณะ ลุกจากที่นั่งขึ้นมายืดเส้นยืดสายเป็นระยะเสียบ้าง เพื่อจะได้ให้บรรเทาเบาบางจากโรคฮิตเหล่านี้.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
? ? ? ทำไม ตัวอักษรในแป้นพิมพ์ทั้งของเครื่องพิมพ์ดีดและคอมพิวเตอร์ ถึงไม่เรียงกันตามลำดับอักษรเช่น A B C สำหรับการเรียงอักษรบนแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเรียง ที่เรียกว่า QWERTY (คิวเวอร์ตี้) ที่เรียกกันอย่างนี้เพราะเป็นการนำอักษร 6 ตัวแรก(เมื่อนับจากซ้ายมาขวา) ของแป้นพิมพ์ที่เป็นตัวอักษรแถวบนมาต่อกัน และถ้าหากจะถามว่าทำไมถึงต้องเรียงแบบนี้ เราคงต้องย้อนกลับไปในอดีตกันซะหน่อยการเรียงลำดับ อักษรของแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้น มีที่มาจากข้อจำกัดที่เกิดกับเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกๆ ที่ยังจัดแป้นพิมพ์แบบเรียงตามลำดับตัวอักษรคือ เมื่อคนที่พิมพ์ดีดได้คล่องและเร็วมาพิมพ์จะทำให้ก้านพิมพ์ดีดขัดกันอยู่ เสมอ ต่อมา คริสโตเฟอร์ ลาแธม โชลส์ วิศวกรเครื่องกลชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดสมัยใหม่รายแรกและได้รับสิทธิบัตรในปี 1868 จึงทำการเรียงลำดับตัวอักษรเสียใหม่ด้วยการแยกตัวอักษรที่มักใช้มาผสมเป็นคำ ร่วมกันบ่อยๆ ออกไปอยู่กันคนละฝั่งของแป้นพิมพ์ เพื่อทำให้นักพิมพ์ดีดพิมพ์ได้ช้าลงกว่าเดิม จะได้ไม่เกิดปัญหาก้านพิมพ์ขัดกันอีกอย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกผู้คนยังคงไม่นิยมเครื่องพิมพ์ดีดของเขามากนัก ทำให้โชลส์ตัดสินใจขายสิทธิบัตรดังกล่าวให้กับทางบริษัท เรมิงตันอาร์มคอมพานี ในปี 1973 ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่ทางเรมิงตันผลิตเครื่องพิมพ์ดีดออกมาจำหน่าย ความนิยมในตัวเครื่องพิมพ์ดีดกลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากใน เวลาต่อมา ปรากฏว่ามีผู้พยายามจัดเรียงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์เป็นแบบต่างๆ ซึ่งแบบที่ได้รับความนิยมมากหน่อยก็อย่างเช่น แบบ DVORAK ซึ่งเคยมีการบอกกล่าวกันว่าการเรียงในรูปแบบนี้จะทำให้พิมพ์เร็วขึ้น จนทางห้างร้านบริษัทหลายแห่งเริ่มนิยมกันอยู่พักหนึ่ง แต่ว่าในปี 1956 ทาง General Services Administration ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่หน่วยงานอื่นๆของรัฐ ได้ทำการศึกษาการจัดแป้นพิมพ์ทั้ง 2 แบบ และก็พบว่า การจัดแบบ QWERTY นั้น ทำให้พิมพ์ได้เร็วเท่ากับหรือมากกว่าแบบ DVORAK ทำให้ความนิยมของการจัดแป้นพิมพ์แบบ DVORAK ลดลงไปทั้ง นี้ หลายคนอาจจะคิดว่า ปัจจุบันเราก็ไม่ได้นิยมใช้พิมพ์ดีดแบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นปัญหาเรื่องก้านพิมพ์ขัดกันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อไป แล้วทำไมเราจึงไม่เปลี่ยนกลับไปใช้แป้นพิมพ์แบบเรียงตามตัวอักษรเหมือนก่อน ซึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้หลายคนคงพอเดากันได้ว่าเป็นเพราะ เราคุ้นเคยและเคยชินกับแบบ QWERTY จนไม่อยากจะกลับไปเสียเวลาเริ่มนับหนึ่งกับแบบเดิมเสียแล้วปล. แป้นพิมพ์ภาษาไทย ก็ให้เหตุผลเดียวกันที่มา 108ซองคำถาม